รู้จัก 7 รูปแบบ ความรักตามหลักจิตวิทยา เพื่อวิเคราะห์คนใกล้ตัว

รู้จัก 7 รูปแบบ ความรักตามหลักจิตวิทยา เพื่อวิเคราะห์คนใกล้ตัว

“ความรักเอย… เจ้าลอยลมมาหรือไร มาดลจิต มาดลใจ เสน่หา…” เสียงเพลงลูกกรุงลอยมาแต่ไกลชวนให้จินตนาการถึงวัยเยาว์ที่โลกยังเป็นสีชมพูและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรัก ซึ่งเมื่อคนเราผ่านร้อนผ่านหนาวและเติบโตขึ้น มุมมองและความศรัทธาที่มีต่อความรักก็เปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบใด ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งสวยงามและทรงอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจของคนเรา ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปรู้จัก ความรัก 7 รูปแบบ ตามหลักจิตวิทยา เพื่อให้คุณสามารถนำไปวิเคราะห์คนใกล้ตัวได้อย่างเท่าทันเหตุการณ์ซึ่งความรักทั้ง 7 แบบที่ว่านี้ได้แก่

ความรักแบบที่ 1 ความหลงใหล
ความรักแบบนี้มักจะมาเร็วไปเร็วแบบเหนือแสง บทจะรักก็ง่ายดาย เพียงแค่สบตาก็รู้สึกว่า“โลกทั้งใบให้เธอคนเดียว” เหมือนเพลงของเต๋า สมชาย แค่เพียงพบหน้าระยะ 5 ถึง 10 เมตร หัวใจก็เต้นแรงควบคุมไม่ได้ หลับตาก็เห็นหน้าเธอลอยมา หายใจออกก็เป็นชื่อเธอ แต่ไม่นานเท่าไร เมื่อไม่ได้รับกระแสความรักตอบกลับมา ความหลงใหลที่มีอยู่ก็สลายหายไปราวกับน้ำค้างต้องแสงแดด

ความรักแบบที่ 2. ความรักแบบมโน (ภาพลวงตา)
ความรักแบบนี้มักเริ่มต้นแบบปุ๊บปั๊บ เมื่อได้พบกันก็ประทับใจ คบหาดูใจกันเพียงไม่นานเท่าไรก็รู้สึกว่า ความรักสุกงอมและลงเอยด้วยพิธีวิวาห์ ความรักประเภทนี้เต็มไปด้วยแรงปรารถนาและข้อผูกมัดซึ่งกันและกัน และเพิ่มมากขึ้นในระหว่างการใช้ชีวิตคู่ ท่ามกลางการปรับตัวเข้าหากัน ก็จะมักจะมีเส้นแบ่งและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น อาจเป็นเพราะทั้งคู่ไร้ซึ่งความเคารพในคู่ชีวิตของตนนั่นเอง

ความรักแบบที่ 3 ความชอบ
ความรักแบบนี้พัฒนาขึ้นจากความใกล้ชิดสนิทสนม ที่ภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่า เคมีของคนสองคนเข้ากันได้ จึงเริ่มไปต่อ หลังจากควงกันไปเปิดตัวได้สักพัก เพื่อประกาศต่อสังคมว่าเราคบกับนะ แต่ทว่าไร้ซึ่งความผูกพัน อารมณ์แบบ ฉันชอบเธอเธอชอบฉันงั้นเรามาคุยกันดู แบบไม่ผูกมัดอะไร ดังนั้นความรักแบบนี้ แบบที่คู่จิ้นในโลกมายาเขานิยมกัน จึงกลายเป็นกระแสเพื่อนสนิทไม่ระบุสถานะ

ความรักแบบที่ 4. รักโรแมนติกในฝันของสาว ๆ
เป็นรูปแบบความรักที่เต็มไปด้วยบรรยากาศ สร้างความประทับใจให้แก่กัน ดู ๆ ไปอาจเป็นความรักในฝันของสาว ๆ หลายคน ที่รักอิสระไม่ชอบการผูกมัด แต่เมื่อมองไปในความจริงของอนาคตข้างหน้า อาจจะไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา เป็นเหตุให้เลิกรากันไปเสียส่วนใหญ่ ด้วยข้ออ้างที่ว่าไลฟ์สไตล์เข้ากันไม่ได้ เป็นต้น

ความรักแบบที่ 5 ความรักที่ยืนยาว
หลายคนอาจคิดว่าพออยู่กันไปนาน ๆ น้ำต้มผักที่ว่าหวานก็พาลเป็นขม แต่หากคู่ไหนที่อยู่ด้วยกันแบบให้เกียรติ เข้าอกเข้าใจและดูแลกันอย่างเสมอต้นเสมอปลายแล้วละก็ ไปต่อกันยาว ๆ แบบที่เรียกว่าไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเลยทีเดียว เพราะความรักที่มีให้กันนั้นปราศจากเงื่อนไข อีกทั้งเกื้อหนุนกันและกัน มีแต่ใจที่ตั้งมั่นในเส้นทางแห่งความสุขของการใช้ชีวิตคู่

ความรักแบบที่ 6 รักแบบเพื่อนคู่คิด เห็นอกเห็นใจกัน
เป็นความรักที่เติบโตจากความใกล้ชิด อาจเป็นเพื่อนกันมาก่อน หรือเกิดจากความผูกพันระหว่างเพื่อนร่วมงาน มักเข้ากันได้ดีในเรื่องของงาน แต่มีข้อจุกจิกในเรื่องส่วนตัว เหมือนลิ้นกับฟัน อยู่ ๆ กันไปก็ผูกพันและดูแลกันไปเหมือนเพื่อนคู่คิด

ความรักแบบที่ 7. รักแท้
เป็นความรักที่เป็นใคร ๆ ก็ต้องการ เป็นการหลอมรวมความคิดความรู้สึกของคน 2 คน ผ่านห้วงเวลาจากประสบการณ์ ทั้งด้านบวกและด้านลบมาด้วยกันและดำเนินชีวิตคู่อยู่ด้วยกันตราบจนสิ้นอายุขัย ด้วยความสุขในการมีชีวิตอยู่ แม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะจากไปก่อน แต่ความรู้สึกที่มีอยู่จะแสดงพลังในทางสร้างสรรค์

คาริล ยิบราล กวี นักเขียน และศิลปิน ได้เขียนไว้ในหนังสือปรัชญาชีวิตฯ เมื่อกว่า 60 ปีที่ผ่านมาว่า “…เมื่อความรักร้องเรียกเธอ จงตามมันไป แม้ว่าทางของมันนั้นจะขรุขระและชันเพียงไร…” ซึ่งผู้คนมากมายในยุคสมัยปัจจุบันก็ยังคงพร้อมจะตามเสียงเรียกของหัวใจไปเพื่อค้นหารักแท้และคู่ชีวิตในแบบฉบับของตนเอง