เมื่อความรักมาถึงทางแยก ต้องตัดสินใจทนอยู่หรือแยกย้าย

เมื่อความรักมาถึงทางแยก ต้องตัดสินใจทนอยู่หรือแยกย้าย

คนสองคนร่วมชีวิตด้วยกันมาด้วยความรัก เมื่อถึงวันที่เกิดปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว ต่างฝ่ายหมดรักกันแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเคลียร์ใจพูดคุยว่าจะทนอยู่หรือแยกทาง ต้องเปิดอกว่าต่างฝ่ายรู้สึกอย่างไร เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกและความต้องการของกันและกันมากขึ้น ก่อนตัดสินใจว่าจะยังคงรักษาความรักความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาไว้หรือไม่

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คู่รักจะหมดใจให้กัน หลายคู่มักไม่แน่ใจว่าจะฝืนทนเพื่อลูกหรือแยกย้ายกันไปเลย หากการเลิกราเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ครอบครัวควรปรึกษาหารือกันว่าอะไรดีที่สุดสำหรับทุกคน หากมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องพยายามไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายได้รับความพอใจมากที่สุด 

หลายต่อหลายคู่เลิกรากันด้วยปัญหาเงินทอง ความผิดหวัง กลัวอนาคต หรือแม้แต่การนอกใจ ทำให้ไม่อยากฝืนคบกันต่อไป พยายามมองตัวเลือกทั้งหมดแล้วและคิดว่าการแยกทางกันเป็นทางเลือกเดียว อย่างไรก็ตามการแยกทางกันอาจไม่ใช่ทางเลือกเดียวเสมอไป เมื่อเจอกับปัญหาครอบครัว ควรเริ่มถามตัวเองว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่พอใจจริง ๆ เป็นเพราะตัวเองหรือคู่รัก

กรณีที่คู่รักตัดสินใจเลิกรากันในที่สุด แม้จะแยกทางกันแล้วแต่คิดว่าลูกควรมีทั้งพ่อและแม่ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน หากต้นตอปัญหาเกิดจากฝ่ายสามี บางคนนอกใจ ติดเหล้า ติดการพนัน ไม่ทำงานทำการอะไร ทำให้ฝ่ายหญิงโกรธ เจ็บปวด อับอาย อาจเป็นเรื่องยากที่จะสานต่อความรักและความสัมพันธ์ไว้ และลังเลใจว่าควรเปิดโอกาสให้พ่อลูกยังคงติดต่อกันหรือขอให้อยู่ห่าง ๆ หากใครเจอกรณีทำนองนี้ ก็ต้องกลับมามองที่ลูกเป็นศูนย์กลาง เพราะการเป็นพ่อแม่ถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ ต่างฝ่ายควรมีส่วนร่วมในการหล่อหลอมชีวิตให้ลูก ๆ เติบโตอย่างสมดุล มีพัฒนาการที่ดีและมีความสุข

นอกจากนี้ การแยกทางจะต้องไกล่เกลี่ยปัญหาเรื่องเงิน แยกแยะรายละเอียดให้ชัดเจนทั้งเรื่องที่อยู่ ค่าเลี้ยงดู และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ถ้าตกลงกันไม่ได้ ควรมีคนกลางหรือทนายช่วยจัดการเรื่องที่ซับซ้อน เพราะจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งด้านการเงินมักจะลุกลามบานปลายจนกระทบต่อความสัมพันธ์ครอบครัว ไม่เพียงชีวิตคู่จบลงเท่านั้น แต่จะทำให้เกิดความเครียด และเด็ก ๆ ซึมซับอารมณ์ร้าย ๆ โดยไม่รู้ตัว 

ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กต้องการ จำไว้ว่าลูกต้องการทั้งพ่อและแม่ แม้ว่าครอบครัวแยกทางกันต้องอธิบายให้ลูกมั่นใจว่าไม่ใช่ความผิดของพวกเขา ปัญหาไม่ได้เกิดจากเด็ก ๆ แต่มีหลายปัจจัย และพ่อแม่ได้พยายามอดทนมาจนถึงขีดสุดแล้ว สนับสนุนให้เด็ก ๆ พูดถึงความรู้สึกแท้จริงออกมา ไม่เช่นนั้นปัญหาครอบครัวจะรบกวนจิตใจทำให้ความไว้วางใจในตัวพ่อแม่สั่นคลอนได้

การเชื่อใจกันและกันเป็นวิธีจัดการกับทุกปัญหา แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ หาเวลากินข้าวด้วยกันเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ซึ่งส่งผลเสียต่อความรู้สึกและการวางแผนใช้ชีวิตในอนาคต ทุกการนัดพบควรวางแผนล่วงหน้า และอย่าผิดนัดโดยเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเจ็บปวดในใจเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น